พบพิรุธร้าน’เบนซ์ เรซซิ่ง’ขาดทุน แต่ครอบครองรถหรู

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
  • ภาพ
  • อัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช,เบนซ์ เรซซิ่ง,สุนทร เฉลิมเกียรติ,บอย,ยาเสพติด,ขาดทุน,รถหรู,แอร์เรีย 51
    พบพิรุธร้าน’เบนซ์ เรซซิ่ง’ขาดทุน แต่ครอบครองรถหรู
ตำรวจพบพิรุธผลประกอบการร้าน “เบนซ์ เรซซิ่ง” ขาดทุนตลอด 3 ปี แต่กลับมีรถหรูครอบครอง ชี้ “บอย” โอนเงินให้ 3 แสนบาททุกเดือนพล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ โฆษก ปส. กล่าวว่า นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง เข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนตั้งเเต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ แล้ว เหลือเพียงเอกสารบางส่วน ซึ่งทางพนักงานสอบสวนไม่ได้นัดหมายให้นายเบนซ์เข้าให้ปากคำ หรือยื่นเอกสารเพิ่มเติมแต่อย่างใด ซึ่งนายเบนซ์ต้องการเข้าชี้แจงหรือให้เอกสารเพิ่มเติมหรือไม่ ก็เป็นสิทธิของนายเบนซ์ ส่วนที่มีการติดต่อจากแม่เบนซ์ว่าจะมีการนำเอกสารเข้ามาให้นั้น ล่าสุดได้รับการติดต่อกลับมาว่าติดธุระจึงไม่ได้เข้ามา และในวันที่ 16 ก.พ. ที่มีกระแสข่าวมาว่า นายเบนซ์จะเดินทางเข้ามานั้นก็ยังไม่มีการติดต่อมาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมหลักฐานหากพบการกระทำผิดก็จะทำการหมายเรียกเพื่อเข้าให้ปากคำ รวมทั้งต้องรอเอกสารธุรกรรมทางการเงินอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานต่างๆเพื่อนำมาสรุปสำนวนก่อนนำเรื่องไปประมวลให้กับทางคณะทำงานดำเนินการต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการจับกุมนายไซซะนะ แก้วพิมพา ชาวลาว ผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับนายณัฐพล นาคคำ หรือบอย ผู้ต้องหาซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และ เจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ยึดทรัพย์สินของนายบอยแล้ว 12 รายการ รวมมูลค่ากว่า 17 ล้านบาท ซึ่งในทรัพย์สินดังกล่าวนั้นมีรถยี่ห้อลัมโบร์กีนีกัลลาร์โด (Lamborghini Gallardo) รุ่น SuperLeggera LP 570-4 สีเทา-ดำ ทะเบียน กจ 51 กทม. และจักรยานยนต์ยี่ห้อ KTM สีส้ม ซึ่งมีชื่อนายเบนซ์เป็นผู้ถือครองรวมอยู่ด้วย การยึดดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งการยึดทรัพย์ของ ป.ป.ส. ซึ่งนายเบนซ์และผู้เกี่ยวข้องจะต้องนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สินภายใน 90 วัน โดยกรณีนายเบนซ์จะต้องชี้แจงที่มาของเงินที่นำไปซื้อรถหรูให้ได้ หากไม่เช่นนั้นทรัพย์สินทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการอายัดทรัพย์และขายทอดตลาดตามขั้นตอน

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นอกจากนี้ชุดสืบสวนพบข้อมูลว่าร้านแอร์เรีย 51 ภายในซอยอินทมาระ 51 ของนายเบนซ์นั้นได้เปิดกิจการมาแล้ว 3 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินกิจการนายเบนซ์ได้ส่งรายงานผลประกอบการให้กับกรมสรรพากร ซึ่งจากการตรวจสอบเอกสารรายงานผลประกอบการดังกล่าวพบว่า กิจการของนายเบนซ์ขาดทุนมาโดยตลอด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งข้อสังเกตที่ชุดสืบสวนพบความผิดปกติว่า เหตุใดนายเบนซ์ถึงสามารถมีรถหรูหลายคันไว้ในครอบครองได้ ประกอบกับชุดสืบสวนพบข้อมูลการทำธุรกรรมการเงินของนายเบนซ์ปรากฏว่า นายบอยได้โอนเงินเข้าบัญชีนายเบนซ์ทุกเดือน เดือนละ 300,000 บาท ซึ่งยังพบอีกว่ารถลัมโบร์กีนี คันดังกล่าวนั้น นายเบนซ์ต้องผ่อนชำระตกอยู่ที่เดือนละประมาณ 250,000 บาท ชุดสืบสวนจึงเชื่อว่านายบอยอาจโอนเงินจำนวน 300,000 บาทให้นายเบนซ์เพื่อผ่อนรถ โดยเงินส่วนต่างอีก 50,000บาท อาจเป็นค่าที่ให้นายเบนซ์ดำเนินการหรือเป็นค่าถือครองรถหรูหรือไม่

จากการตรวจสอบพบอีกว่ารถลัมโบร์กีนีคันนี้ ถูกนำเข้าและเสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ที่ถือครองครั้งแรกเป็นชาวสงขลา ก่อนที่จะขายต่อให้เต๊นท์รถโดยใช้ไฟแนนซ์ชื่อดังและนำมาขายต่อให้เต๊นท์รถชื่อบูโน่ ออโต คลินิก (Buono Auto Clinic) ที่ย่านพระราม 3 หลังจากนั้นนายเบนซ์ได้ทำสัญญาซื้อขายรถหรูคันดังกล่าว โดยมีบริษัทราชธานี ลิสซิ่ง จำกัดเป็นไฟแนนซ์ให้