จี้ ‘ลูกอดีตรมต.คนดัง’ ให้ปากคำปมเอี่ยว ‘ไซซะนะ’

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
  • ภาพ
  • ปราบยาเสพติด,ไผ่ วันพอยท์,ลูกอดีตรมต.,คนดัง,เจ้าของเต๊นท์รถ,สาวลำพูน,ให้ข้อมูล,หมายเรียก,หมายจับ
    จี้ ‘ลูกอดีตรมต.คนดัง’ ให้ปากคำปมเอี่ยว ‘ไซซะนะ’
ตร.ปราบยาเสพติด จี้ “ไผ่ วันพอยท์” ลูกอดีตรมต.คนดัง และเจ้าของเต๊นท์รถ-สาวลำพูน ให้ข้อมูล หากไม่มา-จ่อหมายเรียก-จับ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมามีสื่อมวลชนหลายสำนักมาเฝ้ารอติดตามรายงานความคืบหน้าของคดีเครือข่ายค้ายาเสพติดของ นายไซซะนะ แก้วพิมพา ผู้ต้องหานักค้ายาเสพติดรายใหญ่ชาวลาว โดยการขยายผลมีบุคคลมีชื่อเสียงในแวดวงบันเทิง และไฮโซของไปอาจมีส่วนการฟอกเงินของขบวนการค้ายาเสพติดรายนี้ ขณะเดียวกันในช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.พ.)ยังไม่มีรายงานว่าจะมีการประชุมความคืบหน้าคดีเครือข่ายรถหรูของนายไซซะนะ แต่อย่างใด

ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถามความคืบหน้าเรื่องนี้กับ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผบช.ปส. ก่อนได้รับการเปิดเผยว่า วันนี้ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีอย่างน้อย 2 คน มาให้ปากคำที่ บช.ปส. ซึ่งความชัดเจนของการสอบปากคำบุคคลที่จะเชิญมาทั้งหมด และการพิจารณาเอกสารหลักฐานจะทราบความชัดเจนได้ในวันพรุ่งนี้ (8 ก.พ.) ส่วนตำรวจ 3 นาย ที่มีภาพปรากฏคู่กับนายไซซะนะ นั้น ขณะนี้เรื่องอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

ด้าน พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รองผบช.ปส. ดูแลงานด้านการสอบสวนในคดีนี้ เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้ประสานเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นเจ้าของเต็นท์รถย่านพระราม3 ที่อาจจะทราบที่มาของรถลัมโบร์กินี สีเทา ของนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรสซิ่ง และ นายณัฐพล นาคคำ หรือ บอย ลูกน้องของนายไซซะนะ ที่คาดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมของนายบอย อีกคนคือ น.ส.ธัญรัตน์ วีระเดช ชาวจ.ลำพูน ซึ่งเป็นเจ้าของทะเบียนรถ กจ 51 กรุงเทพมหานคร โดยเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา น.ส.ธัญรัตน์ ได้ขอเลื่อนการเข้าให้ข้อมูล อีกส่วนที่ต้องเรียกมาให้ข้อมูลวันนี้คือบุคคลที่อยู่ในวงการรถยนต์ โดยจะต้องพิจารณาจากการให้ปากคำ และหลักฐานของระบบการเงินจากธนาคาร

พล.ต.ต.ชาตรี กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของนายอัครกิตติ์ หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง เบื้องต้นพบว่า มี 3 บุคคลที่มีการสลับกันโอนเงินเข้าบัญชีในแต่ละเดือน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะยังไม่มีการตรวจสอบธุรกรรมการเงินของแต่ละบุคคล เพราะหากต้องตรวจจะต้องทำหนังสือจาก บช.ปส. เพื่อขอตรวจสอบรายละเอียด ซึ่งจะทำให้บุคคลที่ถูกตรวจสอบอาจได้รับผลกระทบหรือความเสียหายได้ จึงต้องขอตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน
เมื่อถามว่ารถลัมโบร์กินีที่ตรวจยึดมาเป็นของใคร ทางพล.ต.ต.ชาตรี บอกว่า จากการพูดคุยซักถามกับนายบอยรับว่ารถเป็นของนายบอย โดยมีชื่อนายเบนซ์เป็นเจ้าของ

รายงานข่าวแจ้งว่า บุคคลที่เจ้าหน้าที่จะเชิญมาให้ข้อมูลวันนี้หนึ่งในนั้นมี นายไผ่ ลิกค์ หรือไผ่ วันพอยท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในคนวงการรถหรู และมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับนายณัฐพล นาคคำ หรือบอย

ต่อมาเวลา 11.15 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.ชาตรี กล่าวเพิ่มว่า ก่อนหน้านี้ทางตำรวจบช.ปส.ได้ประสานผ่านตัวกลางให้ติดต่อบุคคลเข้าให้ข้อมูลในฐานะพยาน แต่คนกลางที่เป็นผู้ประสานให้นั้นบอกว่าไม่สามารถติดต่อคนเหล่านั้นได้ แต่ตนเชื่อว่าแท้จริงแล้วน่าจะติดต่อได้ แต่คนเหล่านั้นยังไม่พร้อมเข้าให้ข้อมูล โดยวันนี้ได้นัดหมายบุคคลเข้าให้ข้อมูลจำนวน 3 คน ได้แก่ น.ส.ธัญรัตน์ วีระเดช เจ้าของรถโฟล์คและเป็นเจ้าของป้ายทะเบียน กจ 51 กรุงเทพมหานคร ซึ่งตรงกับป้ายทะเบียนรถลัมโบร์กีนีที่นายเบนซ์ครอบครองอยู่ ,เจ้าของเต๊นท์รถย่านพระราม 3 ที่นายเบนซ์ได้ไปซื้อรถลัมโบร์กีนีคันดังกล่าว และ นายไผ่ ลิกค์ หรือไผ่ วันพอยท์ นักธุรกิจชื่อดังและเป็นลูกชายอดีตนักการเมืองและอดีตรมต.

พล.ต.ต.ชาตรี กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นการซักถามนั้นในส่วนของนายไผ่ จะถามในประเด็นความใกล้ชิด สนิทสนม เนื่องจากตำรวจพบข้อมูลว่า นายไผ่รู้จักกับนายบอย หรือนายณัฐพล นาคคำ แต่ก็เป็นไปได้ว่าทั้งคู่จะรู้จักกัน เนื่องจากชื่นชอบในสิ่งเดียวกัน และนายไผ่ทำธุรกิจจึงอาจจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการตกแต่งรถ จึงต้องเชิญมาให้ข้อมูลเพื่อให้กระจ่าง ขณะที่ในส่วนของเจ้าของเต๊นท์รถนั้น ตำรวจได้ข้อมูลว่านายบอยและนายเบนซ์ไปซื้อรถคันดังกล่าวด้วยกัน จึงต้องสอบถามเจ้าของเต๊นท์ว่า ใครมีพฤติการณ์เป็นผู้เลือกรถ และตัดสินใจว่าจะซื้อกันแน่ เพราะจากการพูดคุยกับนายบอยและนายเบนซ์นั้น ให้การไม่ตรงกัน

“โดยนายเบนซ์อ้างว่าเป็นเจ้าของรถ พร้อมยืมเงินนายบอย 6 ล้านบาท เพื่อไปดาวน์รถ และได้ใช้คืนไปแล้วบางส่วน ขณะที่นายบอยอ้างว่าเขาเป็นเจ้าของรถ โดยเป็นผู้ออกเงิน แต่ยืมชื่อนายเบนซ์ซื้อเท่านั้น” พล.ต.ต.ชาตรี กล่าว

พล.ต.ต.ชาตรี กล่าวด้วยว่า หากในวันนี้ทั้ง 3 คนยังไม่ติดต่อกลับมา หรือเข้าให้ข้อมูล พรุ่งนี้(8 ก.พ.) ตำรวจจะพิจารณาออกหมายเรียก หากออกหมายเรียกครบ 2 ครั้ง ยังไม่มาพบ ก็จะต้องออกหมายจับตามขั้นตอนทันที ในส่วนของนายเบนซ์นั้น ตำรวจจะนัดมาให้ปากคำเพิ่มเติมภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เนื่องจากยังมีข้อข้องใจในบางส่วน ประกอบกับเอกสารเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินยังไม่ชัดเจน อย่างไรก็ตามตำรวจได้สอบปากคำลูกน้องนายบอยไปแล้วในเบื้องต้น หลังพบความเชื่อมโยง แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด