“นายกฯจีน” ลุยอู่ฮั่น สกัดไวรัสมรณะ-ตายพุ่ง81

“นายกฯจีน” ลุยอู่ฮั่น สกัดไวรัสมรณะ-ตายพุ่ง81

ติดเชื้อทั่วประเทศอีกกว่า 3,000 บิ๊กตู่ยกป้องกันเป็นระดับ3 กระทบหุ้นไทยร่วงกราวรูด

“บิ๊กตู่” ยังเชื่อใจจีนควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้ ชี้ยังไม่ไฟเขียวอพยพ คนไทย เพราะยังไม่มีคนไทยแจ้งขอกลับประเทศพร้อมย้ำจะไม่มีการปิดบังข้อมูล ด้าน สธ.ก็ให้ความมั่นใจไทยรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสได้ทุกราย พร้อมเปิดข้อมูลแบบไม่มีกั๊กถึงวิธีการรักษา แต่ไม่การันตียาต้านไวรัสเอดส์ยับยั้งได้ ขณะที่ยังพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไวรัสมรณะเรื่อยๆ รวมถึงยังมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเที่ยวไทยไม่ขาดสาย ด้านสถานการณ์แพร่ระบาดในจีนยังไม่นิ่ง ล่าสุดยอดติดเชื้อพุ่งกว่า 3 พันคน ตายแล้ว 81 ราย

ความคืบหน้าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสอู่ฮั่นที่เริ่มระบาดมาตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีกลาย จากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางภาคกลางของจีน และลุกลามพบผู้ติดเชื้อ ชาวจีนที่ออกเดินทางท่องเที่ยวในหลายประเทศทั่วโลกในขณะนี้

ยอดป่วยตายในจีนทะยานไม่หยุด

ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ม.ค. ทางการจีนยืนยันยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสอู่ฮั่นพุ่งขึ้นถึง 81 ราย โดยผู้เสียชีวิต 76 ราย อยู่ในพื้นที่มณฑลหูเป่ย ส่วนที่เหลือล้วนอยู่ในประเทศจีนทั้งหมด ขณะที่ผู้ป่วยติดเชื้อทั้งหมดเกือบ 3,000 คน ผู้ป่วยต้องสงสัยติดเชื้อ 2,744 คน รวมถึงผู้ป่วยในฮ่องกง 5 ราย และมาเก๊า 2 ราย ขณะที่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น นอกประเทศจีน ประกอบด้วย ไทย 8 ราย สหรัฐอเมริกา 5 ราย ออสเตรเลีย 5 ราย เกาหลีใต้ 4 ราย ญี่ปุ่น 4 ราย สิงคโปร์ 4 ราย มาเลเซีย 4 ราย ฝรั่งเศส 3 ราย ไต้หวัน 3 ราย เวียดนาม 2 ราย แคนาดาและเนปาล ชาติละ 1 ราย ผู้ป่วยเกือบทุกรายล้วนเกี่ยวข้องหรือเคยเดินทางไปเมืองอู่ฮั่น ส่วนยอดผู้ต้องสงสัยติดเชื้อและอยู่ระหว่างเฝ้าสังเกตอาการป่วยทั่วโลกมากเกือบ 6,000 คน

ทุ่มเงิน 2.7 แสนล้านบาทแก้วิกฤติ

ต่อมานายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อ เฉียง ของจีน เดินทางเยือนเมืองอู่ฮั่น ศูนย์กลางการระบาดของเชื้อไวรัสอู่ฮั่น ท่ามกลางคำสั่งปิดกั้นการเดินทางเข้าออกเมืองอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่ 22 ม.ค. เช่นเดียวกับอีกหลายเมืองบริเวณใกล้เคียงกันรวมถึงที่มีพรมแดนติดกับจีน ทั้งมองโกเลีย มาเก๊า ต่างห้าม คนจากมณฑลหูเป่ยเดินทางเข้าพื้นที่ นอกจากนี้รัฐบาลจีนยังประกาศขยายวันหยุดช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเดิมสิ้นสุดวันที่ 30 ม.ค. ออกไปอีก 3 วันจนถึงวันอาทิตย์ 2 ก.พ. รวมถึงจะทุ่มงบประมาณ 8,740 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.7 แสนล้านบาท เร่งแก้ปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสอู่ฮั่นภายในประเทศ

นานาชาติรออพยพคนจากหูเป่ย

ส่วนความเคลื่อนไหวของนานาชาติ มีรายงานว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอยู่ระหว่างเตรียมอพยพชาวญี่ปุ่นราว 560 คน ซึ่งอยู่ในมณฑลหูเป่ยกลับประเทศ เช่นเดียวกับรัฐบาลสหรัฐฯ ฝรั่งเศส ออสเตรเลียและศรีลังกา ต่างเตรียมพร้อมอพยพพลเมืองของตนออกจากเมืองอู่ฮั่นและมณฑลหูเป่ยด้วย

นายกฯมั่นใจจีนยังรับมือไหว

ขณะที่การรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสตัวใหม่ของไทย ซึ่งยืนยันพบผู้ติดเชื้อแล้ว 8 รายผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กล่าวที่โรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก ยืนยันสั่งเครื่องบินมา 1 เดือนแล้ว พร้อมไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่น แต่ประเทศจีนยังไม่อนุญาตให้นำเครื่องบินเข้าประเทศ และมั่นใจจีนยังรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสอุบัติใหม่ครั้งนี้ได้ แต่ถ้าไม่ไหวเขาจะเรียกเราไปรับ และได้รับแจ้งจากสถานทูตไทยว่า ยังไม่มีรายงานว่าคนไทยจะขอกลับ จึงขอให้ใจเย็นๆ อย่านำเรื่องนั้นเรื่องนี้มาต่อกัน จะเกิดความเสียหายและคนทำงานจะเสียกำลังใจ

“อนุทิน” วอนอย่าตื่นตระหนก

จากนั้น นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงแผนรับมือไวรัสอู่ฮั่นในไทย โดยมั่นใจกระทรวงสาธารณสุขยังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อยู่ ขอแนะนำประชาชนอย่าตื่นตระหนกจนเกินเหตุ ตอนนี้เมืองอู่ฮั่นยกเลิกกรุ๊ปทัวร์จีนที่ออกมาทั้งหมด ฉะนั้นคนที่จะมาจากเมืองที่มีความเสี่ยงก็จะลดน้อยลง และยืนยันว่าผู้ป่วยทั้ง 8 คนติดเชื้อจากนอกประเทศไทย ไม่ได้ติดเชื้อจากในประเทศ แต่ก็ควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีความแออัด หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ขอให้ใส่หน้ากากป้องกัน

ไทยรักษาผู้ติดเชื้อจนหายดี

ต่อมา นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ.พร้อมด้วย นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.สำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค และ นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกรมควบคุมโรค ร่วมกันแถลงความคืบหน้าสถานการณ์ไวรัสอู่ฮั่น สายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดย นพ.สุขุมยืนยันผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น สายพันธุ์ใหม่ฯ ในไทยมี 8 ราย รักษาหายขาดและตรวจเสมหะ 7 วันแล้วไม่พบการแพร่เชื้อจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ 5 ราย ส่วนอีก 3 ราย อาการดีขึ้นไม่มีอาการหอบเหนื่อยใดๆ สำหรับผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวังยอดสะสมรวม 102 ราย กลับบ้านแล้ว 54 ราย และอยู่โรงพยาบาล 48 ราย ในจำนวนนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการตรวจเป็นร้อยรายแต่พบจริงไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ แสดงให้เห็นว่าผู้ที่เข้าเกณฑ์ไม่จำเป็นต้องติดเชื้อโรคไวรัสอู่ฮั่น และยืนยันว่าโรคนี้ประเทศไทยรักษาได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะ 8 ราย ที่เรารักษาก็หายดีกลับบ้านได้ พร้อมกับย้ำด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสตัวใดที่ใช้ในการรักษาโดยเฉพาะ

ขอให้ฟังข้อมูลจริงจาก สธ.

ด้าน นพ.ธนรักษ์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า เบื้องต้นมีการแพร่ระบาดใน 11 ประเทศ 3 เขตปกครองพิเศษ โดยประเทศที่เพิ่มเข้ามา คือ ประเทศแคนาดา อย่างไรก็ตาม อยากขอความร่วมมือในการแชร์ข้อมูลที่จะสร้างความแตกตื่น อยากให้เปลี่ยนมาแชร์ข้อมูลเรื่องการปฏิบัติตัวที่เหมาะสมสำหรับคนไทย เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือ เพราะขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยที่แพร่โรคในเมืองไทย ส่วนมาตรการหลังจากเมืองอู่ฮั่นปิดเมือง ไทยมีการคัดกรองผู้เดินทางจากเมืองอื่นที่เริ่มมีการแพร่ระบาดมากขึ้น เช่น เมืองกว่างโจวและฉางชุน โดยตั้งแต่วันที่ 24-26 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการคัดกรองเที่ยวบินจากกว่างโจว 11 เที่ยวบิน มีผู้เดินทาง 1,501 ราย ฉางชุน 1 เที่ยวบินมีผู้เดินทาง 363 ราย ส่วนที่มีข่าวลือว่าพบผู้ป่วยและเสียชีวิตตามจังหวัดต่างๆนั้น ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ถ้ามีผู้ป่วยกระทรวงจะเป็นคนแถลงข่าวเอง และไม่เคยปิดข่าว ทั้งนี้ ไวรัสอู่ฮั่นตัวนี้เป็นเชื้อใหม่ทำให้ยังไม่มั่นใจในเชื้อโรค เช่น ระยะฟักตัวที่ใช้ข้อมูลเชื้อไวรัสอู่ฮั่นตัวอื่นที่ผ่านมา ที่มีระยะฟักตัว 2-14 วัน ส่วนการรักษาแบ่งเป็น 2 ส่วนคือแบบประคับประคองตามอาการ และรักษาเรื่องภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้น ส่วนที่มีข่าวว่ายาต้านไวรัสเอดส์ใช้ในรักษาไวรัสอู่ฮั่นได้นั้น ก็ยังไม่ชัดเจน แต่เป็นข้อมูลจากประเทศจีนที่คิดว่าน่าจะได้ผล แต่ยังต้องติดตามต่อไป

นายกฯออกทีวีย้ำไม่ปิดบังข้อมูล

ต่อมาเวลา 17.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ออกมากล่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่ง ประเทศไทย กรณีการแพร่ระบาดของไวรัสอู่ฮั่น โดยยืนยันไทยมีการคัดกรองและเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง โดยยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินเป็นระดับ 3 ให้สอดคล้องกับความรุนแรงของสถานการณ์ และพร้อมในการรักษาส่งต่อ และการจัดตั้งพื้นที่ควบคุม เมื่อมีความจำเป็น ที่สำคัญรัฐบาลเน้นย้ำการชี้แจงตามข้อเท็จจริง ไม่ปิดบังข้อมูลใดๆ และยึดหลักการว่า “ชีวิตและสุขภาพของประชาชนสำคัญที่สุด” ซึ่งโดยรวมขณะนี้ ถือว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเรื่องการอพยพคนไทยในพื้นที่ระบาดนั้น ยืนยันกระทรวงกลาโหมมีความพร้อมที่จะปฏิบัติได้ทันที เมื่อได้รับการอนุญาตจากประเทศจีน

ทุกภาคส่วนตื่นตัวเฝ้าระวังโรค

สำหรับบรรยากาศการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอู่ฮั่นใน กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามหน่วยงานรัฐและภาคเอกชนต่างตื่นตัวในการรับมืออย่างเต็มที่ อาทิ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เตรียมห้องไว้สำหรับกักกันโรคไว้ 28 ห้อง หน่วยงานต่างๆมีการทำป้ายแสดงข้อมูลการสังเกตอาการของผู้ป่วย 3 ภาษา คือไทย อังกฤษ และจีนไปติดตั้งตามโรงแรม อพาร์ตเมนต์ เกสต์เฮาส์ ตลอดจนที่ชุมนุมชน ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และตลาดนัดสวนจตุจักร และมีการตั้งจุดคัดกรองที่ท่าเรือคลองเตย

สภาฯคุมเข้มตั้งจุดคัดกรอง

ส่วนที่อาคารรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ ช่วงเช้า มีเจ้าหน้าที่จากสำนักบริการทางการแพทย์ ประจำรัฐสภามาตั้งจุดตรวจคัดกรองเชื้อโรคแก่บุคคล เข้า-ออกภายในอาคารรัฐสภา โดยคนที่ผ่านเข้าออก อาคารรัฐสภาทุกคนจะต้องผ่านการตรวจวัดไข้ ใช้แอลกอฮอล์แบบเจลล้างมือก่อนเข้าตัวอาคาร และมีการแจกหน้ากากอนามัย โดยทั้งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว. ต่างให้ความ ร่วมมือในการผ่านจุดคัดกรองด้วยดี

เดินหน้าแจกหน้ากากอนามัย

นอกจากนี้ หลายหน่วยงานระดมออกมาแจกหน้ากากอนามัยกันอย่างคึกคัก อาทิ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาแจกหน้ากากอนามัยให้นักท่องเที่ยวที่วัดอรุณราชวราราม ส่วนที่ศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ ยังคงมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมากราบไหว้ขอพรกันอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน และส่วนใหญ่สวมใส่หน้ากากอนามัยมาด้วย ส่วนที่ศูนย์การค้าไอคอนสยาม นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด นำคณะสื่อมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดูมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา โดยเฉพาะบริเวณจุดเข้า-ออกหลัก ของศูนย์การค้า ที่มีการตั้งเครื่องสแกนอุณหภูมิและเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือก่อนเข้าห้าง เช่นเดียวกับศูนย์การค้าดิ เอ็มโพเรียม และดิ เอ็มควอเทียร์ ที่มีมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันสุขอนามัยให้กับลูกค้า นักท่องเที่ยว ตลอดจนเจ้าหน้าที่และพนักงานที่ทำงานภายในพื้นที่ให้ปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้วยการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดภายในลิฟต์ ราวบันไดเลื่อน ห้องน้ำ ลูกบิด และกลอนประตู ทุกครึ่งชั่วโมง ส่วน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวตำรวจหญิงสังกัด สตม. สงสัยติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่นว่า ผลตรวจจากแล็บ รพ.ตร.ออกมาแล้ว ตำรวจหญิงรายนี้เป็นไข้หวัดธรรมดา จึงไม่อยากให้คนวิตกกังวลหรือตื่นตระหนก

พบสงสัยติดไวรัสเพิ่มอีก

สำหรับในภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศมีรายงานพบผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่นไม่ขาดสาย โดยที่ จ.อ่างทอง พบ 1 ราย เป็นนักศึกษาหญิง อายุ 20 ปี เพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่ฮั่น ส่วนที่ จ.ลำปาง นพ.กำพล เครือคำขาว แพทย์นิติเวช รพ.ลำปาง ได้โพสต์ลงในห้องกลุ่ม Lampang City มีข้อความว่า ขณะนี้ รพ.ลำปางได้รับตัวผู้ป่วยชาวจีน 3 พ่อแม่ลูกจาก รพ.นครพิงค์ พร้อมเก็บตัวอย่างเสมหะ ทั้ง 3 คนส่งตรวจว่าจะเป็นเชื้อโคโรนาหรือไม่ ตอนนี้ อยู่ระหว่างรอผลยืนยันจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แต่ภายหลังโพสต์ดังกล่าวถูกลบออกไปทันที ส่วนที่ รพ.ลำพูน นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผวจ.ลำพูน เปิดเผยว่า รพ.ลำพูนได้รับผู้ป่วยเป็นนักท่องเที่ยวหญิงจีน 1 คน โดยเก็บตัวอย่างอาการป่วยส่งให้กับทางห้องแล็บแล้ว โดยผู้ป่วยรายนี้ถูกส่งมาจาก รพ. มหาราชนครเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา

หญิงจีนเป็นไข้หวัดสายพันธุ์เอ

ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวหญิงจีน วัย 58 ปี ที่ถูกส่งตัวจากเกาะเสม็ดมาดูอาการที่ รพ.ระยอง หลังมีอาการไข้นั้น นพ.สุนทร เหรียญภูมิการกิจ สาธารณสุขจังหวัดระยอง นพ.สุกิจ บรรจงกิจ รอง ผอ.รพ.ระยอง นายพิสมัย ศุภนันตฤกษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดระยอง นายชยุตม์ ชัยตระกูลทอง นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดระยอง และนางสริญทิพย์ ทัพมงคลทรัพย์ ตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะเสม็ด ร่วมแถลงข่าวยืนยันผู้ป่วยดังกล่าวเป็นการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอและให้การรักษาตามปกติ ไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดไวรัสอู่ฮั่นแต่อย่างใด

ตรวจเข้มแรลลี่กลุ่มเศรษฐีจีน

สำหรับการเฝ้าระวังตามด่านตรวจคนเข้าเมืองนั้น นายอรรถพร เนื่องอุดม ผอ.ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ กล่าวว่า ท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่ สายการบินแอร์เอเชีย แจ้งยกเลิกเที่ยวบินตรงจากเมืองต่างๆของประเทศจีนมาลงที่กระบี่ อาทิ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ฉงชิ่ง 15 เที่ยวบิน ขณะที่การเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวจากจีน ตั้งแต่คืนวันที่ 26 ถึงเช้าวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา มีเที่ยวบินตรงเข้ามาจำนวน 7 เที่ยวบิน นักท่องเที่ยวจีนเข้ามากว่า 800 คน ซึ่งทางท่าอากาศยานนานาชาติกระบี่จัดกำลังคัดกรองกันตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ยังไม่พบผู้ที่เข้าข่ายมีอาการป่วย ขณะที่ด่าน ตม.อรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายออน อุ่นทวีทรัพย์ นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ นายธนกฤต สายสิญจน์ หัวหน้าด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ จ.สระแก้ว และ พ.ต.อ.อาทิตย์ ยาแก้ว ผกก.ตม.จ.สระแก้ว นำเจ้าหน้าที่ตรวจเข้มนักท่องเที่ยวทุกสัญชาติที่เดินทางข้ามด่านพรมแดนอรัญประเทศจากฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา เข้ามาในประเทศไทย รวมถึงตรวจขบวนแรลลี่ทัวร์เศรษฐีชาวจีนที่ใช้รถยนต์ 7 คัน จำนวน 12 คนเดินทางจากประเทศกัมพูชาเข้ามาผ่านด่าน ตม.อรัญประเทศ ส่วนใหญ่มาจากมณฑลหูเป่ย แต่ไม่พบต้องสงสัยป่วยเป็นไวรัสอู่ฮั่นแต่อย่างใด

คาดกระทบท่องเที่ยวระยะสั้น

สำหรับการแก้ปัญหาผลกระทบจากการระบาดของไวรัสอู่ฮั่นในด้านต่างๆนั้น วันเดียวกัน นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า สำหรับการแพร่ระบาด คาดว่าจะไม่กระทบการบริโภคภายในประเทศมากนักเพราะปัจจุบันประชาชนก็ยังออกมาจับจ่ายซื้อของกันอยู่ ส่วนเรื่องการท่องเที่ยวมีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคอยดูแลและคอยประเมินสถานการณ์เรื่องนี้อยู่ ขณะที่นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาเพราะส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวไทยแต่เป็นเพียงระยะสั้นๆเท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่ต้องเตรียมการมีอยู่ 2 อย่าง คือ 1.ป้องกันไม่ให้การแพร่ของไวรัสอู่ฮั่นเกิดขึ้น 2.เตรียมแผนล่วงหน้าเพื่อฟื้นภาคการท่องเที่ยวหลังจากโรคไวรัสอู่ฮั่นหมดไป เพื่อดึงนักท่องเที่ยวมายังประเทศไทยไม่ให้บินไปเที่ยวประเทศอื่น

“สมคิด” ขอคนไทยช่วยกัน “เที่ยวไทย”

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้เช่นกันว่า เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกัน เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ อาจกระทบต่อการท่องเที่ยวในช่วงระยะสั้น ซึ่งประเทศจีนมีมาตรการคุมเข้มอย่างเต็มที่อยู่แล้ว ขณะที่ประเทศไทยก็ต้องดูแลช่วยเหลือกัน โดยใช้ประโยชน์และกลไกภายในประเทศ ส่งเสริมให้คนไทยเที่ยวในประเทศ เพื่อรักษาความสมดุลไว้ และอย่าเพิ่งตื่นตระหนก รอฟังคำชี้แจงบ้าง ส่วนปัญหาหลายฝ่ายมีมาตรการป้องกัน เฝ้าระวัง เมื่อกระทบท่องเที่ยว คนไทยก็ต้องช่วยกัน หันมาเที่ยวในประเทศกัน

เรียกกลุ่มธุรกิจทัวร์มาทำความเข้าใจ

เช่นเดียวกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมชี้แจงตัวแทนบริษัทนำเที่ยว สมาคมต่างๆที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวถึงแนวทางการเฝ้าระวัง ควบคุม ป้องกันโรคปอดอักเสบจากไวรัสอู่ฮั่นสายพันธุ์ใหม่ในเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ว่าได้เชิญผู้ประกอบการท่องเที่ยวและมัคคุเทศก์ มาสื่อสารทำความเข้าใจกับสิ่งที่เราเจอในปัจจุบันยังไม่ได้ถึงจุดวิกฤติที่สุด และประเทศไทยไม่ใช่พื้นที่ระบาด และมั่นใจจีนจะสามารถระงับโรคได้อย่างแน่นอน จากการดำเนินมาตรการเข้มแข็งทั่วประเทศ และอยากให้ช่วยกันสื่อสารว่าระบบสาธารณสุขของไทยเข้มแข็ง แม้จะเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ แต่กระทรวงสาธารณสุขมั่นใจว่าเอาอยู่ เพราะรักษาผู้ติดเชื้อจนหายป่วยและเดินทางออกจากไทยไปแล้ว โดยนายกรัฐมนตรีกำชับทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการป้องกัน และสื่อสารให้คนไทยทั่วประเทศรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงไม่ได้รุนแรงตามที่เผยแพร่ในสื่อโซเชียลมีเดีย จึงอยากให้คนไทยรับข่าวสารแล้วไตร่ตรองให้ดี ขออย่าไปตื่นตระหนก

ช่วยกันสอดส่องกลุ่มมาเที่ยวเอง

รมว.การท่องเที่ยวฯกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางการจีน ห้ามบริษัททัวร์ของจีนนำนักท่องเที่ยวออกนอกประเทศ ยกเว้นคนที่เดินทางมาเองไม่ผ่านบริษัททัวร์ จึงขอให้รถโดยสาร โรงแรม มัคคุเทศก์ ช่วยสังเกตนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ให้ด้วย รวมถึงคนขับรถแท็กซี่ หากพบว่านักท่องเที่ยวมีอาการให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือเจ้าหน้าที่ศูนย์ TAC หรือโทร.แจ้งที่สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ก็จะมีโครงการตรวจสุขภาพและฉีดยาให้กับผู้ขับรถแท็กซี่ และขอย้ำว่าการตรวจเข้มของทางการไทย ยิ่งเจอมากขึ้น หมายความว่ารัฐบาลไทยไม่ได้ละเลย ส่วนผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลง จากปกติมาเที่ยวไทยเดือนละ 8-9 แสนคน เชื่อว่าเมื่อสถานการณ์นี้ยุติ เราจะสามารถชดเชยนักท่องเที่ยวจีนกลับมาในไตรมาสที่ 3 และ 4 และเป็นไปตามเป้าหมายเดิม 11-11.5 ล้านคนได้

เล็งคุมเข้มนักเดินทางจากปักกิ่ง

ด้านแพทย์หญิงดารินทร์ อารีย์โชคชัย รองผู้อำนวยการกองสำนักโรคติดต่อ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ผู้ป่วยจากไวรัสอู่ฮั่นสายพันธุ์ใหม่ในประเทศจีนยังไม่ดีขึ้น แม้ทางการจีน จะมีการล้อมกำแพงอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม เพราะทุกวันยังมีการรายงานจำนวนผู้ป่วยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเป็นหลักหลายร้อยคน ดังนั้น ประเทศไทยเอง ก็ต้องคงมาตรการการคัดกรองนักท่องเที่ยวไว้อย่างเข้มข้น และนอกจากเมืองอู่ฮั่นแล้ว ยังมีอีกเมืองต้องจับตาเป็นพิเศษ นั่นคือผู้ที่เดินทางมาจากปักกิ่ง หลังจากพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นค่อนข้างเร็ว ทำให้คิดว่าน่าจะมีการแพร่เชื้อจากคนไปสู่คนในปักกิ่ง โดยจากนี้ต้องพิจารณาต่อไปว่าจะคัดกรองเที่ยวบินจากปักกิ่งทั้งหมดด้วยหรือไม่ ซึ่งถ้าทำจะเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะมีจำนวนคนเดินทางมาไทยมากคิดเป็นหลายสิบเที่ยวบินต่อวัน

กัมพูชาเจอผู้ติดเชื้อรายแรก

ต่อมาเมื่อช่วงค่ำวันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา แถลงยืนยันพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น คนแรกของประเทศ โดยผู้ป่วยเป็นชาวจีน อยู่ที่จังหวัดสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญของประเทศ แต่ไม่มีรายละเอียดใดๆ

หุ้นไทยไข้ขึ้นร่วงกราวรูด

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงผลกระทบอีกประการต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ นั่นคือการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งเมื่อเปิดตลาดในช่วงเช้าวันที่ 27 ม.ค. พบว่าดันชีหุ้นไทยปรับตัวลงรุนแรง และปรับตัวลงต่อเนื่องโดยลงมาต่ำสุดที่ 1,519.03 ลดลง 50.28 จุด ก่อนปิดทำการที่ 1,524.15 จุด ลดลง 45.40 จุด หรือลดลงร้อยละ 2.89 โดยดัชนีลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 69,174.18 ล้านบาท ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงหนักสุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยหุ้นไทยลดลงร้อยละ 2.89 ตลาดหุ้นโตเกียวลดลงร้อยละ 2.03 อินโดนีเซีย ติดลบร้อยละ 1.8 ฟิลิปปินส์ติดลบร้อยละ 0.5 อังกฤษลด ร้อยละ 2.2 ฝรั่งเศสลดร้อยละ 2.02 สำหรับหุ้นไทยกลุ่มหลักๆปรับตัวลงทั้งหมด นำโดยหุ้นสนามบิน หุ้นพลังงาน หุ้นอุปโภคบริโภค ขณะที่หุ้นที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม สายการบินและสนามบิน ดิ่งยกแผง หลังจีนสั่งห้ามประชาชนเดินทางออกนอกประเทศ