‘บิ๊กตู่’ ฉุนสื่อ บอกน่ารังเกียจ พาดหัวข่าวขอขึ้นภาษี ยันไม่ได้พูด

http://www.matichon.co.th/news/

ประยุทธ์

 

“บิ๊กตู่” ฉุนสื่อ บอกน่ารังเกียจ เขียนข่าวขึ้นภาษีหวังขายข่าวอย่างเดียว ยันไม่ได้พูด วอนร่วมมือกันเดินหน้าประเทศ อย่าทำโอกาสให้เป็นวิกฤต

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 10 มีนาคม 2560 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน SMEs Revolution : เส้นทางสายโอกาสเอสเอ็มอี 4.0 ซึ่งมีกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นเจ้าภาพ อาทิ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า เราต้องพัฒนาการเรียนรู้ หยุดนิ่งไม่ได้ ต้องช่วยกันคิดว่าทุกคนจะช่วยกันเดินหน้าประเทศอย่างไร ต้องเข้าใจว่าวันนี้ประเทศไทยเดินหน้าด้วยยุทธศาสตร์ และทำมาตลอดตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งเราต้องเดินหน้าประเทศด้วยยุทธศาสตร์ชาติทั้ง 6 ด้าน คือ ความมั่นคงทางด้านทหาร เศรษฐกิจ สังคม โดยประชาชนจะต้องมีส่วนร่วม การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน การลดความเหลื่อมล้ำ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาภายในความสมดุล และสิ่งแวดล้อม โดยทุกคนต้องคำนึงส่วนรวม ไม่ใช่คิดแต่เรื่องส่วนตัว เหมือนเต่าที่เดินไปข้างหน้าแล้วงับหางตัวเองตลอดทาง หรือเป็นกระต่ายที่นอนหลับตลอดทาง เลือกเอาว่าจะเป็นอะไร สิ่งที่จะทำให้เราทันกับสถานการณ์โลกคือต้องปรับตัวเอง ซึ่งรัฐบาลเข้ามาทำทุกอย่างโดยใช้หลักการเหตุผลและยุทธศาสตร์มาดำเนินการ โดยเฉพาะการบริหารจัดการระบบบริหารราชการแผ่นดินทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพ

“การเดินไปข้างหน้าจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและการทำความเข้าใจ อย่าบิดเบือน ผมเห็นในคอลัมน์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง บอกว่ารัฐบาลไม่ดูแลเอสเอ็มอีอย่างจริงจัง เขียนว่ารัฐบาลมีกองทุนเพียง 2 หมื่นล้านบาทจะพออะไร ผมถามว่าเขียนอย่างนี้เขียนไปทำอะไร ผมพูดแล้วก็มีอารมณ์ เบรกไม่อยู่ นายสมคิดก็เตือนให้ผมใจเย็น วันนี้เราต้องการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ ถ้ายังยืนอยู่ที่เดิม ไม่มีการพัฒนา ทุกอย่างก็ไปไม่ได้ เป้าหมายคือเราต้องเพิ่มขีดความสามารถของประเทศทุกด้านให้เข้มแข็งมากขึ้น เพื่อให้เกิดรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน ลดกับดักรายได้ปานกลาง วันนี้รัฐบาลทำทุกอย่าง แต่ความร่วมมือ ความเข้าใจ คือสิ่งสำคัญที่สุด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯกล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ พยายามขับเคลื่อนในทุกมิติ แต่ก็มีหลายคนที่ยังดูถูกประเทศในการจะเป็นศูนย์กลางและพัฒนาในด้านต่างๆ เพราะเห็นว่าชาวนา ชาวไร่ ยังมีรายได้น้อยอยู่ ตนก็ไม่ทราบว่าจะพูดกันไปทำไม ทำลายศักยภาพของตัวเอง ขอร้องว่าอย่าเอาโอกาสมาเป็นวิกฤต และทำวิกฤตให้เป็นวิกฤตมากกว่าเดิม วันนี้ตนจำเป็นต้องดุเดือด เพราะทุกอย่างต้องขับเคลื่อน ทั้งที่ตนเองเป็นคนเรียบร้อย นุ่มนวล ไม่มีใครชมก็ต้องชมตัวเอง เราต้องเน้นคุณค่ามากกว่าปริมาณ ประเทศไทยขับเคลื่อนด้วยเอสเอ็มอี มีสินค้าส่งออกประมาณร้อยละ 80-90 ถ้ารัฐบาลไม่ส่งเสริม เราจะทำอะไรได้

“แล้วคำพูดที่ว่าไปเอื้อประโยชน์ให้นายทุน พูดกันอยู่แค่นี้ แทนที่จะพูดให้คนเหล่านี้พัฒนาตัวเองภายใต้กรอบที่รัฐบาลกำหนด ว่าจะต้องอะไรกันบ้าง ไม่ใช่สอนเพียงว่าให้ขอทุนอย่างเดียว แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาให้ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ผมพูดและอธิบายเกี่ยวกับระบบภาษี และเรื่องต่างๆ เพราะมีประชาชนเรียกร้อง ขอโน่นขอนี่ ผมเองอยากจะให้ ก็อธิบายไป แต่กลับกลายเป็นว่าผมต้องการจะขึ้นภาษี ไม่เข้าใจหรืออย่างไร สื่อวันนี้เสนออะไรก็ได้ที่เป็นความขัดแย้ง ที่จะเป็นปัญหา พูดและเขียนกันเข้าไป เขียนพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งกันเข้าไป ข้างในเนื้อข่าวไม่มีอะไร เขียนเหมือนที่ผมพูด แต่ข้างหน้าขอให้ได้เขียน เพื่อให้คนซื้อหนังสือพิมพ์ น่ารังเกียจนะ ผมจะบอกให้ แต่ก็คงไม่ใช่ทุกคน พวกที่ดีๆ กับผมก็มี ทุกคนก็พูดว่ารักผม อยากช่วยผม แต่ที่เขียนมาแบบนี้ อยากถามว่าช่วยอะไร อย่างนี้เรียกว่าช่วยหรือ” นายกฯกล่าว