เริ่ม ‘สมาร์ทวีซ่า’ 1ก.พ.นี้ ดูดต่างชาติลงทุน ‘เทคโนโลยี-นวัตกรรม’ ตั้งเป้าสร้างงานคนไทยนับแสน

https://www.matichon.co.th/news/

กอบศักดิ์ ภูตระกูล (แฟ้มภาพ)

เมื่อเวลา 13.45 วันที่ 16 มกราคม ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เรื่องโครงการสมาร์ทวีซ่า ว่าเป็นโครงการวีซ่าประเภทพิเศษ ที่จะส่งสัญญาณปฏิรูปไปสู่นักลงทุนต่างชาติครั้งสำคัญ วีซ่าประเภทนี้จะดึงดูดชาวต่างชาติที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้บริหารระดับสูงเข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อตอบโจทย์ในการสร้างเทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งจะนำไปสู่การจ้างงานพี่น้องประชาชนได้หลักแสนราย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์สมัยใหม่ การท่องเที่ยวอิงสุขภาพ อาหารเพื่ออนาคต การแพทย์ครบวงจร หรือหุ่นยนต์ต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นอุตสาหกรรมที่เราไม่มีผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง

ทั้งนี้ สมาร์ทวีซ่าจะมีทั้งหมด 4 ประเภท คือ 1.สมาร์ทที (Talent) เป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญพิเศษเฉพาะด้าน เป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรอง ซึ่งต้องได้รับเงินเดือนไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท มีสัญญาจ้างไม่น้อยกว่า 1 ปี บริษัทที่ว่าจ้างต้องทำธุรกิจในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามที่ได้ประกาศไว้ 2.สมาร์ทไอ (Investor) เป็นกลุ่มนักลงทุนที่ต้องลงทุนในนามของบุคคลไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท และต้องลงทุนในบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีเป็นฐานและอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 3.สมาร์ทอี (Executive) กลุ่มผู้บริหาร ที่ต้องจบปริญาตรีขึ้นไป ประสบการณ์การทำงานไม่ต่ำกว่า 10 ปี เงินเดือนไม่ต่ำกว่า 200,000 บาท สัญญาจ้างไม่ต่ำกว่า 1 ปี และต้องทำงานในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 4.สมาร์ทเอส (Startup) ซึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุนที่ต้องมีเงินฝากในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 600,000 บาท ต้องมีประกันสุขภาพ ต้องตั้งบริษัทภายในไทยภายใน 1 ปี และมีหุ้นไม่น้อยกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงต้องอยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย

“สิทธิพิเศษที่ชาวต่างชาติจะได้รับ คือ ได้วีซ่าสูงสุดไม่เกิน 4 ปี ต่อ 1 ครั้ง สามารถทำงานในอุตสาหกรรมที่ได้รับการรับรองโดยไม่ต้องขออนุญาต และขยายระยะเวลาการรายงานตัวจาก 90 วัน เป็น 1 ปี เมื่อออกจากประเทศไทยแล้วกลับมาก็ไม่ต้องขอใบอนุญาตใหม่ รวมถึงคู่สมรสและบุตรสามารถทำงานที่ประเทศไทยได้ แต่งานต้องไม่อยู่ในบัญชีรายชื่อของ พ.ร.บ. แนบท้าย พระราชกฤษฎีกา ที่ห้ามคนต่างด้าวทำ (ในส่วนของวีซ่าอีและเอส บุตรจะไม่สามารถทำงานได้) ซึ่งคนไทยก็ไม่ต้องกังวลใจว่าคนต่างชาติจะมาแย่งงานทำ โดยโครงการสมาร์ทวีซ่าจะเริ่มวันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป” นายกอบศักดิ์กล่าว